tag:blogger.com,1999:blog-82517052402866620822024-02-06T18:05:40.334-08:00Ðëk Baa BëëMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.comBlogger49125tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-1849849413806554682010-02-04T05:46:00.000-08:002010-02-04T05:48:55.731-08:00สีกุหลาบสื่อความหมาย<table style="width: 562px; height: 286px;"> <tbody> <tr> <td> <p align="left"><span style="font-size:100%;color:#ff0000;"> </span><span style="font-size:6;color:#ff0000;"><b>ใน</b></span><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ และของกำนัลของวันนี้ ดังนั้นเวลาที่คิดจะให้ดอกกุหลาบแก่ใครสักคน เราก็น่าจะรู้ความหมายของสีอันเป็นสื่อความหมายของดอกกุหลาบไว้บ้างก็น่าจะดี ซึ่งก็จะมีความดังนี้</span></p> <ul style="color: rgb(255, 0, 0);"><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ</span> </li><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์</span> </li><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง</span> </li><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ</span> </li><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน</span> </li><li><span style="font-size:100%;color:#0000ff;">กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย</span></li></ul><br /><br /></td></tr></tbody></table>Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-62045907695082895362010-01-27T07:14:00.000-08:002010-01-27T07:19:57.740-08:00ตำนานวันตรุษจีนตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เพราะชาวจีนถือว่าวันตรุษจีนคือวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีพิธีเฉลิมฉลองแตกต่างกันไป สำหรับที่มาของวันตรุษจีนนั้น เชื่อกันว่าประเพณีนี้มีมานานกว่าสี่พันปีแล้ว จัดขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เดิมที่ไม่ได้เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันตามยุคสมัย นั่นคือเมื่อ 2100 ปีก่อนคริสตศักราชจะเรียกว่า "ซุ่ย" ซึ่งมีความหมายถึงการโคจรครบหนึ่งรอบของดาวจูปิเตอร์ จนกระทั่งต่อมาในยุค 1000 กว่าปีก่อนคริสตศักราช เทศกาลตรุษจีนจะถูกเรียกว่าว่า "เหนียน" หมายถึงการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์นั่นเอง นอกจากนี้วันตรุษจีนยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันชุงเจ๋" ซึ่งหมายถึงเทศกาลดูใบไม้ผลิ หรือขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ เพราะช่วงก่อนตรุษจีนนั้นตรงกับฤดูหนาว ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศเหมาะสมแก่การเพาะปลูก ชาวจีนจึงสามารถทำนา ทำสวน ได้อีกครั้งหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวมานั่นเอง ส่วนการกำหนดวันตรุษจีนนั้น ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน และถือว่าคืนวันที่ 30 เดือน 12 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ส่วนวันที่ 1 เดือน 1 คือวันชิวอิก หมายถึงวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ การเตรียมงานเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) โดยผู้คนจะเริ่มซื้อข้าวของต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน และเตรียมทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะเป็นการปัดกวาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ภายในบ้านทั้งประตู หน้าต่าง จะประดับประดาไปด้วยสีแดง และกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ฯลฯ จากนั้นครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารที่ล้วนแต่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น เช่น กุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งความโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาหร่าย จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษจีนคือ "อั่งเปา" ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-15785336719091405582009-12-22T03:46:00.000-08:002009-12-22T03:47:28.920-08:00เพลง : Jingle BellDashing through the snow<br />On a one-horse open sleigh,<br />Over the fields we go,<br />Laughing all the way;<br />Bells on bob-tail ring,<br />making spirits bright,<br />What fun it is to ride and sing<br />A sleighing song tonight<br />Jingle bells, jingle bells,<br />jingle all the way!<br />O what fun it is to ride<br />In a one-horse open sleigh<br />A day or two ago,<br />I thought I'd take a ride,<br />And soon Miss Fanny Bright<br />Was seated by my side;<br />The horse was lean and lank;<br />Misfortune seemed his lot;<br />He got into a drifted bank,<br />And we, we got upsot.<br />Jingle Bells, Jingle Bells,<br />Jingle all the way!<br />What fun it is to ride<br />In a one-horse open sleigh.<br />A day or two ago,<br />the story I must tell<br />I went out on the snow<br />And on my back I fell;<br />A gent was riding by<br />In a one-horse open sleigh,<br />He laughed as there<br />I sprawling lie,<br />But quickly drove away.<br />Jingle Bells, Jingle Bells,<br />Jingle all the way!<br />What fun it is to ride<br />In a one-horse open sleigh.<br />Now the ground is white<br />Go it while you're young,<br />Take the girls tonight<br />And sing this sleighing song;<br />Just get a bob-tailed bay<br />two-forty as his speed<br />Hitch him to an open sleigh<br />And crack! you'll take the lead.<br />Jingle Bells, Jingle Bells,<br />Jingle all the way!<br />What fun it is to ride<br />In a one-horse open sleigh.Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-77488952582224074732009-12-13T05:33:00.000-08:002009-12-13T05:34:35.367-08:00ประวัติวันคริสต์มาสประวัติวันคริสต์มาส<br /> คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas) Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปีค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปีค.ศ.64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปีค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย สำหรับองค์ประกอบในงานฉลองวันคริสต์มาสมีความเป็นมาเช่นกัน เริ่มที่คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ปิดท้ายที่ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน ต้องย้อนไปศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี สำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสาร โบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพร คนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-24062321509966682962009-11-24T06:57:00.000-08:002009-11-24T07:20:35.119-08:00>>>รู้ไว้ใช่ว่า<<<1. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ เพราะอาการเผ็ดเกิดจากสานที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรสที่ลิ้น ร่างกายจะแสดงปฏิกิริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป<br />2. การดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ เพราะการคาบหรืออมนมยางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหว จึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปาดอีกด้วย<br />3. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้จริง เพราะถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดงกรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่งก็ทำได้เช่นกัน<br />4. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำนาสีฟันในสมัยโบราณจริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าวถึงเป็นน้ำยาบ้วนปสกที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์<br />5. วัวกระทิงเกลียดสีแดงจริงหรือ ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล้อด้วยผ้าสีแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยิ่วมากกว่า<br />6. เพรชแท้จะไม่ติดสีหมึก เพราะการทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอนู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม<br />7. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืด จะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดอาการง่วง เหงา ซึมเซาได้<br />8. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอ็นดอ์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อได้Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-38567932423957608222009-11-02T01:27:00.000-08:002009-11-02T01:34:26.159-08:00ประวัตินางนพมาศ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitsz0pgrnMcaHaFVTGnROgvlx2uKIwwKvr3DGNrbxgcdTjlzx1WR2TdHdoZ36zfMiLl_COFOmAkAQMoU7gTNQ6ats1iXRzrfhGHdQDkW13-yPLJxhCsj3AtYTB0KfvJGQz_OIsv38XkXw/s1600-h/ann103.gif"></a><br /><br /><div><div><div><div><div><div><div><div> </div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWUAXn6Sr2vxvrbodDjdPmk1giNZOCEsH53HxvLyVvTVf2TGLzlfWu4qr-zimy9OnQpMsrQb7LMwlKwO9Je1_VBQYJu9buToHL0L7T5dwL6-BT0EgrLfQTlza9zH4KPrkUsd1HyPQa3EI/s1600-h/01_1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5399435915967089730" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 310px; CURSOR: hand; HEIGHT: 300px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWUAXn6Sr2vxvrbodDjdPmk1giNZOCEsH53HxvLyVvTVf2TGLzlfWu4qr-zimy9OnQpMsrQb7LMwlKwO9Je1_VBQYJu9buToHL0L7T5dwL6-BT0EgrLfQTlza9zH4KPrkUsd1HyPQa3EI/s320/01_1.jpg" border="0" /></a><span style="color:#3333ff;"><strong>วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริง วันลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง</strong></span> อะแฮ่ม ๆ...ใกล้จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือ วันลอยกระทง อีกเทศกาลสำคัญของคนไทยกันแล้ว หลายคนคงใจจดใจจ่ออยากไป ลอยกระทง ใน วันลอยกระทง กันใช่ไหมล่ะ เพราะนอกจากจะได้ขอขมาพระแม่คงคาแล้ว ยังมีความเชื่อกันว่าการ ลอยกระทง เป็นการลอยทุกข์ลอยโศกและสิ่งไม่ดีในชีวิตออกไปอีกด้วย</div><div> </div><div>นอกจากนี้ ความน่าสนใจของ วันลอยกระทง ยังอยู่ที่การจัดงาน ลอยกระทง อย่างยิ่งใหญ่ในทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ โดยกิจกรรม วันลอยกระทง มักจะมีการเล่นดอกไม้ไฟ พลุ รวมถึงการแสดงมหรสพต่าง ๆ มากมาย <strong><span style="color:#cc0000;">ที่สำคัญยังมีการประกวดสาวงาม วันลอยกระทง หรือที่เรียกกันว่า นางนพมาศ อีกด้วย</span></strong> <span style="color:#cc33cc;">...อะๆ หลายคนอาจสงสัยว่านางนพมาศคือใคร มีที่ไปที่มาอย่างไร แล้วทำไมต้องเรียว่า นางนพมาศ เอาเป็นว่าเราไปความรู้จักกับ "ประวัตินางนพมาศ" กันดีกว่าค่ะ...</span> </div><div>นางนพมาศ หรือบ้างก็เรียกกันว่า เรวดี นพมาศ เกิดในรัชกาลพญาเลอไท กษัตริย์ที่ 4 แห่งราชวงศ์พระร่วง นางนพมาศ เป็นธิดาของพระศรีมโหสถกับนางเรวดี บิดาเป็นพราหมณ์ปุโรหิตในสมัยพระยาเลอไท มีรูปสมบัติและคุณสมบัติที่งดงาม ได้รับการอบรมจากบิดา มีความรู้ทางอักษรศาสตร์ พุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ การช่างของสตรี ตลอดจนการขับร้องดนตรี สันนิษฐานว่า นางนพมาศ ได้ถวายตัวเข้ารับราชการในสมัยพระยาลิไท ในยุคสุโขทัย <strong>และเป็นที่โปรดปรานจนได้เป็นสนมเอก ตำแหน่ง ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งกล่าวกันว่า นางนพมาศ เป็นบุคคลที่ฉลาดถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง จนได้สมญาว่า "กวีหญิงคนแรกของไทย" ดังเช่นที่มีข้อความเขียนไว้ว่า...</strong> </div><div><span style="color:#6600cc;">"ทั้งเป็นสตรี สติปัญญาก็น้อยกว่าบุรุษ แล้วก็ยังอ่อนหย่อนอายุ กำลังจะรักรูปและแต่งกาย ซึ่งอุตสาหะพากเพียร กล่าวเป็นทำเนียบไว้ ทั้งนี้เพื่อหวังจะให้สตรีอันมีประเภทเสมอด้วยตน พึงให้ทราบว่าข้าน้อยนพมาศ กระทำราชกิจในสมเด็จพระร่วยงเจ้ากรุงมหานครสุโขทัย ตั้งจิตคิดสิ่งซึ่งเป็นการควรกับเหตุ ถูกต้องพระราชอัชฌาสัยพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ปรากฎชื่อแสียงว่าเป็นสตรีนักปราชญ์ ฉลาดในวิชาช่างอยู่ชั่วกัลปาวสาน"</span> </div><div>ทั้งนี้ นางนพมาศ ได้ทำคุณงามความดีเป็นที่โปรดปรานของพระร่วงในกาลต่อมา ที่สำคัญ ๆ มีอยู่ 3 ครั้ง คือ... </div><div><span style="color:#000099;">ครั้งที่ 1</span> เข้าไปถวายตัวอยู่ในวังได้ห้าวัน ก็ถึงพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป (ลอยกระทง) นางได้คิดประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกกระมุท (ดอกบัว) มีนกเกาะดอกไม้สีสวยๆ ต่างๆ กัน เป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมาก </div><div><span style="color:#000099;">ครั้งที่ 2</span> ในเดือนห้ามีพิธีคเชนทร์ศวสนาน เป็นพิธีชุมนุมข้าราชการทุกหัวเมือง มีเจ้าประเทศราชขึ้นเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย ในพิธีนี้พระเจ้าแผ่นดินทรงรับแขกด้วยเครื่องหมากพลู นางนพมาศได้คิดประดิษฐ์พานหมากสองชั้นร้อยกรองด้วยดอกไม้งดงาม พระร่วงทรงโปรดปรานและรับสั่งว่า ต่อไปผู้ใดจะทำการมงคลก็ดี รับแขกก็ดี ให้ใช้พานหมากรูปดังนางนพมาศประดิษฐ์ขึ้น ซี่งเป็นต้นเหตุของพานขันหมากเวลาแต่งงาน ซึ่งยังคงใช้จนถึงปัจจุบัน </div><div><span style="color:#000099;">ครั้งที่ 3</span> นางนพมาศ ได้ประดิษฐ์พนมดอกไม้ถวายพระร่วงเจ้าเพื่อใช้บูชาพระรัตนตรัย พระร่วงทรงพอพระทัยในความคิดนั้น ตรัสว่าแต่นี้ต่อไปเวลามีพิธีเข้าพรรษาจะต้องบูชาด้วยพนมดอกไม้กอบัวนี้ </div><div><strong>นอกจากนี้ นางนพมาศ ยังได้เขียนตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ขึ้นเพื่อเป็นหลักประพฤติปฏิบัติตนในการเข้ารับราชการของนางสนมกำนัลทั้งหลาย</strong> โดย ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ นี้แต่งด้วยร้อยแก้วมีกลอนดอกสร้อยแทรก ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะภาษาที่ใช้แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในวรรณคดีที่แต่งในยุคเดียวกันคือ คือศิลาจารึกหลักที่ 1 และ ไตรภูมิพระร่วง โดยเนื้อเรื่องใน ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ กล่าวถึงประเพณีต่าง ๆ ของไทย เช่น การประดิษฐ์ พานหมากสองชั้นรับแขกเมือง การประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกกระมุท (ดอกบัว) เพื่อใช้ในพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป (ลอยกระทง) ซึ่งประเพณีนี้ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน </div><div><span style="color:#ff0000;">และนี่คือ ประวัตินางนพมาศ สนมเอกของสมเด็จพระร่วงเจ้า ที่เป็นหญิงงาม ฉลาด และเป็นผู้ประดิษฐ์กระทงรูปดอกบัว จนกระทั่งมาเป็นต้นแบบของการประกวด นางนพมาศ ใน วันลอยกระทง ซึ่งนักประวัติศาสตร์หลายท่านยังคงสงสัยว่า นางนพมาศ ในอดีตนั้นจะเคยมีตัวตนอยู่จริงหรือแค่ตำนาน?!?</span></div></div></div></div></div></div></div></div>Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-74707239236760395542009-10-13T08:03:00.000-07:002009-10-13T08:04:22.440-07:00สาระพัน ประโยชน์ ของชาเขียวที่คุณยังไม่รู้!!!!!สาระพัน ประโยชน์ ของชาเขียวที่คุณยังไม่รู้!!!!! <br /> <br />ชาเขียวชนิดผงสกัดลิขสิทธิ์อเมริกาป้องกันและรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน โรคไต และลดไขมันส่วนเกิน ได้ผล100%มีประโยชน์นานับประการต่อสุขภาพมากๆ<br />ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากอเมริกาได้รับรองอย. 60 ประเทศทั่วโลก<br />สกัดจากไบชาเขียวอ่อนและพืชสมุนไพร มีประสิทธิภาพคล้ายกับชาใบหม่อนแต่มากกว่าและให้ประโยชน์ดังนี้<br /> <br />-เปลี่ยนไขมันที่สะสมไปเป็นพลังงาน(ลดกระชับส่วน ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เซลล์ลูไลท์ ได้อย่างดี) เห็นผลใน 2-3<br />เพิ่มการเผาผลาญ ทดแทนการออกกำลังกาย (สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายเป็นประจำ)<br /> <br />-ลดระดับน้ำตาลในเลือด(สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน)<br /> <br />-ลดไขมันและโคเลสเตอรอลที่ไปอุดตันตามหลอดเลือดหัวใจ (เป็นการป้องกันการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ)<br />-ต้านอนุมูลอิสระที่ปนเปื้อนเข้ามาสู่ร่างกายในแต่ละวัน(มลพิษ,สารปนเปื้อนมากับอาหาร,ควันบุหรี่,ควันท่อไอเสีย ฯลฯ)<br /> <br />-ล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกไปทางปัสสาวะ(ผู้ที่เป็นโรคไตสามารถด<br />ไตสามารถดื่มได้ทุกวันเพราะช่วยให้ไตซึ่งทำหน้าที่กรองของเสียทำงานน้อยลง)<br /> <br />-ป้องกันและชลอการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้ายซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้<br /> <br />-ชลอความแก่เพราะสารในชาเขียวมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระและชลอการเ่หี่ยวย่นของเซลล์ผิวได้ถึง 40%ทำให้ผิวหนังไม่เ่ยวย่นก่อนวันอันมีสาเหตุมาจากแสง uvMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-31936878758775414132009-09-22T04:48:00.001-07:002009-09-22T04:48:45.948-07:00คอนแทคเลนส์แฟชั่นคอนแทคเลนส์แฟชั่น เพื่ออะไร? <br />- คอนแทคเลนส์แฟชั่นนี่ นับพวก ตาโต เลนส์สีอะไรแบบนี้นะ ลักษณะก็จะเป็นเหมือนคอนแทคเลนส์แบบใสนั่นแหล่ะ บางรุ่นก็มีค่าสายตา บางรุ่นก็ไม่มี แต่ที่แน่ๆคือมีสีพื้น มีสีขอบ มีสามสีซ้อนกัน สรุปคือมันมีสีน่ะ (ถ้าไม่มีสีก็ไม่ใช่แฟชั่นสิ) บางรุ่นก็ขนาดใหญ่กว่าคอนแทคเลนส์ปกติ 14.0mm 14.5mm 14.8mm อะไรพวกนี้ จุดประสงค์หลักของมันก็คือ การสร้างความแปลกใหม่ให้กับดวงตา เช่นเลนส์สี ก็เปลี่ยนสีตา จากตาสีดำก็อาจจะอยากตาสีฟ้า ก็ใส่คอนแทคเลนส์สีเข้าไป เพิ่มขนาดตาดำ บางคนตาดำเล็ก ตาตี่ อยากดูตาโตขึ้น ก็ใส่พวกคอนแทคเลนส์ตาโต ช่วยให้ตาดำดูโตขึ้น เป็นการอำพรางความบกพร่องของรูปตาได้ บางคนอาจบอกว่า ใส่ทำไม เป็นสิ่งแปลกปลอม ไม่เป็นธรรมชาติ ดูหลอกลวง บางคนถึงกับด่าคนที่ใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น บางคนมีคนรู้จักใส่ก็ตกใจรีบห้าม เหมือนเป็นเรื่องร้ายแรงมาก(ตกใจเหมือนเป็นโรคติดต่อยังไงยังงั้น) ซึ่งจริงๆตรงนี้ เป็นเรื่องส่วนบุคคลนะ เพราะว่า การใส่เนี่ย ไปใส่ที่ตาเค้า ไม่ใช่ที่ตาเรา แน่นอนว่าเราเป็นห่วง แต่ต้องให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เตือนเรื่องการใช้งาน การรักษาความสะอาด ไม่ใช่ด่าว่า โง่ บ้า อะไรอย่างนี้ ไม่ดี ไม่ทำนะคะ จุ๊ๆ บางคนเลือกใส่คอนแทคเลนส์สีเพื่อง่ายต่อการสังเกต เวลาตกหล่น บางคนเลือกใส่เพราะไหนๆก็ใส่เลนส์สายตาอยู่แล้ว บางคนเลือกใส่เพราะต้องการพัฒนาบุคคลิกภาพของตน บางคนเลือกใส่เพราะเห็นเป็นแฟชั่น ตามเพื่อน ฯลฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนพึงทำได้นะคะ แต่ต้องตั้งอยู่บนความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง <br />คอนแทคเลนส์แฟชั่น กับข่าวอันน่าสะพรึง? <br />- คงเคยได้ยินกันเนอะ พวกข่าวใส่คอนแทคเลนส์สีแล้วตาบอดอะไรพวกนี้น่ะ อ่านแล้วมันน่าขนลุก น่ากลัวมากๆ หลายคนอ่านแล้วถึงขนาดไม่กล้าใส่ เห็นใครใส่ต้องรีบห้าม ตกอกตกใจกันยกใหญ่ หากลองอ่านดีๆนะคะ จะเห็นว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ก่อนจะเข้าใจผิดกะไปมากกว่านี้ ^ ^ เหตุที่มาของข่าวอันตรายคอนแทคเลนส์นั้นมีสาเหตดังต่อไปนี้ <br />- มีคนมาเล่าว่าเค้าหวิดตาบอดจากการใส่คอนแทคเลนส์สีเพียงไม่กี่ครั้ง พอเข้าไปอ่านเนื้อหา ปรากฏว่ามันจะไม่ตาบอดได้ยังไงละคะ ในเมื่อ<br />-เค้าห้ามใส่นอน น้องแกก็ใส่นอน บอกว่าขี้เกียจใส่ตอนเช้า กลัวไปเรียนไม่ทัน เหตุที่ ห้ามใส่นอน เพราะคอนแทคเลนส์นั้นจะไปครอบตาดำไว้ ทำให้ Oxygen ไม่สามารถเข้าสู่ตาดำได้ ซึ่งการใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเกิน 8 ช.ม. หากใส่เกินกว่านั้น จะทำให้ตาดำขาดOxygen เป็นเหตุให้เคืองตา ตาบวมแดง หรือถึงขั้น บอดสนิทศิษย์ส่ายหน้า... <br />- ใส่เสร็จ ถอดออกมาเค้าให้ล้างทุกครั้ง น้องแกก็ไม่ล้างแช่ไว้เฉยๆ น้ำยาก็ไม่เคยจะเปลี่ยน เหตุที่เค้าให้ล้าง ก็เพราะ เวลาเราใส่คอนแทคเลนส์เนี่ย จะมีพวกคราบโปรตีนมาเกาะ พวกคราบโปรตีนจะทำให้เกิดจะหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย แช่ลงไปในน้ำยา น้ำยาก็มีแบคทีเรีย เอามาใส่ใหม่ ก็เท่ากับเอาแบคทีเรียมาใส่ที่ตาเรา ดังนั้นหลังถอดคอนแทคเลนส์ควรล้างทุกครั้ง โดยล้างตามวิธีที่ถูกต้อง ใส่ทุกวันก็ล้างทุกวัน เปลี่ยนน้ำยาทุกวัน ไม่ได้ใส่ทุกวัน ก็ 3 วันเอาออกมาล้างที พร้อมเปลี่ยนน้ำยาด้วย ล้างตลับคอนแทคเลนส์และลวกน้ำเดือดทุกสัปดาห์ และเขวี้ยงแม่งทิ้ง แกะเอาตลับอันใหม่มาใช้ ทุก 1-3 เดือน <br />- เห็นถูกดี คู่ละ 69 คนขายบอกใส่ได้ 3 เดือน น้องแกก็เลยซื้อมา โถ น้องขา เห็นแก่ของถูก คอนแทคเลนส์ที่ขายบางทีก็เอาของไม่ได้คุณภาพมาขาย ของค้างปี คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุแล้วบ้างล่ะ เอามาขายถูกๆ คนไม่รู้เรื่องก็ไปซื้อมาใส่ บางทีของยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันแต่คนละที่ ขายราคาต่างกันลิบ อันนี้ต้องเอะใจบ้างนะ ว่าทำไมมันถูกเกินแพงเกินอย่างไร ดูราคาตลาดไว้ ที่ไหนขายถูกเว่อร์ ก็น่าสงสัยละ ว่าค้างว่าปลอมอย่างไร <br />- คอนแทคเลนส์มันครบเดือนแล้วอ่ะ แต่มันยังดูปกติอยู่เลยนี่นา ใส่ต่อละกัน เสียดาย น้องจะเสียดายเงินหรือเสียดายลูกตาน้องดี ไม่ได้แนะนำให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยนะ แต่กับลูกตาเนี่ยขอเหอะ ถ้ามันครบเดือนแล้วก็ทิ้งมันไป อย่าไปเสียดายเลย เพราะดวงตาเรามีแค่คู่เดียวนะ อย่าให้เหตุเกิดจากความงกมาทำลายชีวิตเรานะจ๊ะ <br />สรุปง่ายๆ ต้นเหตุของข่าว ก็มาจาก ......ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความซกมก ขี้เกียจ ความงก ของคนเรานี่ล่ะ ถ้าหากเราเพียงศึกษารายละเอียดข้อมูลให้ถี่ถ้วน ปฏิบัติตามข้อแนะนำที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด เน้น ว่า เคร่งครัด นะคะ ก็จะไม่เกิดเหตการณ์ดังในข่าว <br />คอนแทคเลนส์แฟชั่น...คุณหรือโทษ? <br />- คอนแทคเลนส์ไม่ได้มีคุณหรือโทษในตัวมันเองค่ะ หากแต่คุณหรือโทษ นั้นเกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์อย่างถูกหรือผิดวิธี ซึ่งจุดนี้ ก็มาจากความรู้ความเข้าใจในการใช้คอนแทคเลนส์ของแต่ละบุคคล ดังนั้น น้องๆ และเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนที่สนใจอยากใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น พึ่งกระทำดังนี้ <br />1. ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสายตา ก่อนเริ่มใช้คอนแทคเลนส์สี หรือศึกษารายละเอียดการใช้โดยละเอียดถี่ถ้วน ลองหาอ่านจากเน็ตนี่ละคะ มีทั้งวิธีการดูแลรักษา การใส่ การล้าง อุปกรณ์ต่างๆ ตัวอย่างที่เป็นโทษ แล้วพิจารณากันให้ดีค่ะ <br />2. ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้องทั้งหมดอย่างเคร่งครัด โดยไม่ขาดตกบกพร่อง <br />3. ใช้คอนแทคเลนส์แฟชั่นที่ได้คุณภาพ ราคาสมเหตุสมผลค่ะMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-4381908032884344372009-09-10T06:19:00.000-07:002009-09-10T06:21:31.123-07:00เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำยาบ้วนปากในปัจจุบันน้ำยาบ้วนปากมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด บางท่านอาจจะใช้อยู่แล้วหลายๆท่านอาจจะกำลังไป หามาใช้ ท่านเคยสงสัยบ้างไหมครับว่าน้ำยาบ้วนปากมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มากน้อยเพียงใด <br /><br /> น้ำยาบ้วนปากที่มีขายกันทั่วไปตามท้องตลาด มีส่วนผสมหลักๆคือ สารฆ่าเชื้อโรคและสาร ที่มีกลิ่นหอมบางชนิดอาจมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ด้วย สำหรับผลในการฆ่าเชื้อโรคก็อย่าไปหวังอะไร มากมายนักนะครับ เพราะว่าเชื้อในช่องปากสามารถก่อตัวขึ้นมาใหม่ ได้ภาย ในเวลาไม่กี่นาทีครับ (ยกเว้นน้ำยาบ้วนปากชนิดพิเศษที่หวังผลใน การฆ่าเชื้อสูงซึ่งเป็นคนละชนิดกับที่ขายกัน ตามท้องตลาดครับ)<br /><br /> ผลของมันส่วนใหญ่ก็แค่ทำให้ลมปากหอม สดชื่นและฟลูออไรด์ในนั้นอาจทำให้ฟัน แข็งแรงขึ้นบ้างเท่านั้นครับ ดังนั้นการอมน้ำยา บ้วนปากเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถทำให้ ฟันสะอาดขึ้นหรือว่าเหงือกแข็งแรงฟันไม่ผุ แต่อย่างใดคุณยังคงต้องแปรงฟันร่วมด้วย<br /><br />ข้อเสีย <br /> ข้อเสียของมันคงจะไม่มีอะไรนอกเสียจากมีราคาสูงครับ แต่ถ้าท่านมีกำลังเพียงพอที่จะหามาใช้ได้ ก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากกับผู้ที่ไม่สามารถแปรงฟัน ตามปกติได้ เช่น เพิ่งถอนฟันหรือผ่าฟันคุดมาใหม่ๆ แล้วแผลยังไม่หาย ยังแปรงฟันตรงนั้นไม่ได้ก็อาจบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วน ปากแทน แต่ถ้าคุณเริ่มแปรงได้เมื่อไหร่ก็พยายามแปรงจะ ดีกว่านะครับ หรือจะแปรงฟันร่วมกับการใช้น้ำยาบ้วนปากด้วยก็ได้Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-7170553763958505812009-09-01T07:36:00.001-07:002009-09-01T07:36:27.940-07:00มะรุมมะรุมพืชมหัศจรรย์<br /><br />มะรุม เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในหลายด้าน เช่น ราก จะมีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ เปลือก จะมีรสร้อน ช่วยขับลม ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้ เป็นต้น <br /><br />ข้อควรระวัง ในคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทาน <br /><br />"มะรุม" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam. วงศ์ Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ กินได้หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใครๆ ก็นิยมกินฝักมากกว่าส่วนอื่นๆ ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ทางอีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม” ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่” เป็นต้น <br /><br />ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาวเพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม หาได้ง่าย รสชาติอร่อยเพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล คนที่ปลูกมะรุมไว้ในบ้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสลิ้มรสยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้ทให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้ <br /><br />ส่วนอื่นๆ ของโลกจะใช้ใบมะรุมประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ นอกจากนี้ ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้งปรุงเข้าเครื่อง “ผงนัว” กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขกMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-62102701571944780812009-08-21T07:31:00.000-07:002009-08-21T07:33:29.701-07:00La conquête des AlpesLe 8 août 1786, le guide Jacques Balmat et le docteur chamoniard Michel Paccard parviennent pour la première fois au sommet du mont Blanc.<br /><br />Avant de devenir une discipline sportive, l'alpinisme a été pratiqué par les habitants des Alpes, en particulier les chasseurs de chamois. Ce sont eux qui ont accompagné les topographes militaires sur les sommets au début du XIXe siècle. Beaucoup de premières ascensions n'ont sans doute pas été enregistrées dans ces temps anciens, ce qui a laissé le champ libre aux touristes pour déclarer leurs premières dans le cadre d'un alpinisme sportif et médiatisé.<br /><br />L'alpinisme prit ensuite son essor au XIXe siècle sous l'impulsion de grimpeurs, en majorité de nationalité britannique :<br /><br />Edward Whymper ; <br />Albert F. Mummery ; <br />William Auguste Coolidge qui était, lui, américain ; <br />Frederick Gardiner ; <br />qui tous ont laissé leur nom lié à des "premières" et à des sommets alpins (pointe Whymper aux Grandes Jorasses, pic Coolidge dans le massif des Écrins…). Ces riches anglais, membres de l’Alpine Club (créé en 1857), étaient le plus souvent accompagnés de guides français, italiens ou suisses.<br /><br />Les deux derniers grands sommets vierges des Alpes sont gravis en 1865 (Whymper atteint pour la première fois le sommet du Cervin), puis le 16 août 1877 : E. Boileau de Castelnau avec les Gaspard père et fils réalisent la première ascension de la Meije. Tous les grands sommets des Alpes ont donc été conquis : c’est le début de l’alpinisme sportif.Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-17036205162028075702009-07-27T05:44:00.000-07:002009-07-27T05:48:05.644-07:00วันภาษาไทยแห่งชาติวันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงอภิปรายเรื่อง “ปัญหาการใช้คำไทย” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br /> <br /> ที่มาและความสำคัญ<br /> ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานและทรงอภิปรายเรื่อง “ ปัญหาการใช้คำไทย ” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทรงแสดงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยห่วงใยในภาษาไทย จนเป็นที่ประทับใจผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง<br /><br />พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่า<br /><br /> เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษานี้ก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือ ให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่า วิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สาม คือ ความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้...สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆก็ควรจะมี ควรจะใช้คำเก่าๆที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก รัฐบาลได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันสำคัญ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒<br /><br /> วัตถุประสงค์<br /> คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เห็นชอบให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ <br /><br />๑. เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ และนักภาษาไทย รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใย และพระราชทานแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย<br /><br />๒. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม<br />พ.ศ ๒๕๔๒<br /><br />๓. เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกัน ทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป<br /><br />๔. เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งเพื่อยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับให้สัมฤทธิผลยิ่งขึ้น<br /><br />๕. เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อเผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ ไปสู่สาธารณชนทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติ และในฐานะที่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารของทุกคนในชาติMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-40782668902194392112009-07-15T07:07:00.000-07:002009-07-15T07:08:12.974-07:00สำรวจวงจรชีวิตสัตว์ร้าย เติบโตจาก ไข่ สู่การเป็น เอเลียนขั้นที่หนึ่ง : ไข่ (Egg) <br /><br />เกิดจากการวางไข่ของ ราชินี (Queen) จากส่วนที่เป็นถุงไข่ของมัน ไข่แต่ละใบมีรูปร่างรีและยืดหยุ่นได้ มีความสูงประมาณ 3 ฟุต และมีรอยแยกอยู่ตรงยอดด้านบนสุด ในไข่จะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า เฟชฮักเกอร์ (Facehugger) ภายในถุงไข่จะมีสารอาหารซึ่งใช้เลี้ยงสิ่งมีชีวิตในระหว่างช่วงที่ฟักตัว เมื่อไข่สัมผัสได้ว่ามีร่างของสิ่งมีชีวิตใดๆ เข้ามาอยู่ในระยะใกล้เคียง และเหมาะที่จะเป็นร่างที่ใช้อาศัย ฝาที่เปิดปิดได้ด้านบนจะเปิดออก ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตด้านในดีดตัวออกมาเพื่อเกาะติดกับใบหน้าของร่างที่จะใช้อาศัย <br /><br />ขั้นที่สอง: เฟซฮักเกอร์ (Facehugger) <br /><br />เมื่อสัมผัสได้ถึงการเข้ามาใกล้ของร่างที่ใช้อาศัยซึ่งเหมาะสม เฟซฮักเกอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีผิวเป็นซิลิโคน รูปร่างเหมือนปลาหมึก มีเท้าซึ่งส่วนนิ้วแยกเป็น 8 แฉก ถุงลม 2 ข้าง และงวงที่ยาวเหมือนหาง มันใช้เพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองไปสู่ใบหน้าของร่างที่จะเข้าอาศัย เมื่อยึดติดแล้ว เฟซฮักเกอร์จะสอดท่อหรืองวงลงไปสู่โพรงทรวงอกของร่างนั้น และตัดขาดการได้รับออกซิเจนจากภายนอกร่างกาย ทำให้ร่างดังกล่าวต้องอาศัยออกซิเจนจากตัวมัน และจะฝังตัวอ่อนที่เรียกว่า เชซเบิร์สเตอร์ ลงไปในตัวของเหยื่อ <br /><br />เมื่อจบสิ้นกระบวนการแล้วตัวมันก็นับว่าไม่มีประโยชน์อีกต่อไป มันจะแยกตัวออกจากร่างที่ใช้อาศัยและตายไป ในทางกายภาพ เฟซฮักเกอร์ มีผิวด้านนอกที่เป็นสารซัคคาไรด์โปรตีนจำนวนมาก ซึ่งจะสลัดเซลล์ทิ้งอย่างต่อเนื่อง และแทนที่ด้วยขั้วซิลิโคน ซึ่งทำให้มีความทนทานเป็นอย่างมากต่อการบาดเจ็บและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม นอกจากนี้มันยังมีกรดโมเลกุลเข้มข้นเป็นเลือด ทำให้มีโครงสร้างที่ใช้เป็นเครื่องป้องกันได้เป็นอย่างดี <br /><br />ขั้นที่สาม: เชซเบิร์สเตอร์ (Chestburster) <br /><br />ตัวอ่อนที่ถูกฝังไว้ในโพรงทรวงอกของร่างที่ใช้อาศัยโดย เฟซฮักเกอร์ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จนมีขนาดที่ใหญ่และมีกำลังมากพอที่จะกัดทะลุทรวงอกของร่างที่ใช้อาศัยออกมาได้ และตัวที่รู้จักกันในชื่อของ เชซเบิร์สเตอร์ ก็จะเคลื่อนย้ายตัวมันเองออกมาจากร่างนั้น และหาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนในขณะที่มันกำลังเติบโตขึ้นอีก ในขั้นตอนนี้ การเติบโตของร่างกายของมันจะไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันไม่ต้องการอาหารที่จะทำให้ตัวใหญ่ขึ้น แต่จะสร้างเซลล์ทดแทนขึ้นมา (เกือบจะเหมือนกับการลอกคราบของงู) และให้พลังแก่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าภายในตัวเอง (ให้ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒน์จากแบตเตอรี่ โดยใช้กรดเป็นเลือด) <br /><br />ขั้นที่สี่: เซโนมอร์ฟ (Xenomorph) <br /><br />สิ่งมีชีวิตที่โตเต็มที่หลังจากที่ได้วิวัฒน์จาก เชซเบิร์สเตอร์ จะมีรูปร่างลักษณะเช่นเดียวกับร่างที่มันใช้เป็นที่อาศัย ดังนั้น หากร่างนั้นเดินสองขา เซโนมอร์ฟ ก็จะเดินสองขา หากร่างเดินสี่ขาหรือมากกว่า เอเลียนที่โตเต็มที่ก็จะเลียนแบบลักษณะเหล่านั้น หากเกิดจากร่างมนุษย์ จะมีความสูงราวแปดถึงเก้าฟุตเมื่อยืนเต็มที่ หัวของมันมีรูปร่างเหมือนโดม และมีโครงกระดูกด้านนอกที่แข็งแกร่ง ซึงประกอบด้วยขั้วซิลิโคน ที่แข็งแกร่งพอในการลำเลียงกรดโมเลกุลที่มันใช้เป็นเลือด ดังนั้นจึงสามารถทนกับการบาดเจ็บอย่างรุนแรงได้ดี (อาวุธที่แหลมคม ยุทโธปกรณ์นิวเคลียร์ และการยิงในระยะใกล้ เป็นที่รู้จักกันว่าจะสามารถทำพวกร้ายมันได้) <br /><br />เนื่องจากระบบการทำงานภายในของมันไม่ได้ใช้ความดัน และเพราะมันไม่ได้หายใจในแบบทั่วๆ ไป มันทำงานเหมือนแบตเตอรี่มากกว่าการใช้ปอด จึงสามารถรอดชีวิตได้ในสูญญากาศ นอกจากนั้น โครงกระดูกที่อยู่ด้านนอกของมันยังทำให้ไม่สะดุ้งสะเทือนต่อความเย็น จึงแทบไม่ต้องบอกเลยว่า ทุกอย่างที่กล่าวมาทำให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายที่สุดเท่าที่เราจะพบได้ในอวกาศ <br /><br />ขั้นพิเศษ: ราชินี (Queen) <br /><br />ตัวอ่อนราวหนึ่งในหลายร้อยตัว เชซเบิร์สเตอร์ จะโตขึ้นเพื่อกลายเป็นราชินี ถึงแม้ว่าพวกมันจะเริ่มต้นชีวิตในแบบที่เหมือนกับเชซเบิร์สเตอร์ที่ได้บรรยายไว้ข้างต้น ราชินีจะเติบโตได้มากกว่ากาฝากอื่นๆ และเมื่อยืนเต็มที่จะมีความสูง 15 ถึง 30 ฟุต นอกจากโครงสร้างของกะโหลกที่ขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งดูคล้ายกับไดโนเสาร์พันธุ์ เซราท็อปส์ ราชินียังมีลักษณะที่เป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ถุงไข่โปร่งแสงขนาดมหึมา ซึ่งใช้ในการวาง ไข่ จำนวนมาก แม้ว่าจะยังคงไม่มีใครรู้ว่าไข่ถูกผสมพันธุ์หรือไม่และอย่างไร ราชินีจะปกป้องทายาทของมันอย่างสุดชีวิตMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-78385910164144158902009-07-02T09:02:00.000-07:002009-07-02T09:05:59.761-07:00VassaVassa ou retraite de la saison des pluies, de vasso (pali) ou varṣaḥ- varsha (sanscrit) « pluie », est une période de trois mois lunaires pendant laquelle les moines bouddhistes abandonnent leur vie d’errance pour prendre une résidence fixe. Correspondant à la saison des pluies dans l’Inde du nord à l’époque de Gautama, elle débute traditionnellement le lendemain de la pleine lune du huitième mois du calendrier astronomique indien (juillet), jour de Asalha Puja qui commémore le premier sermon du Bouddha, et s’achève le lendemain de la pleine lune du onzième mois (octobre) avec un rituel monastique appelé Pavarana. Kathina pinkama, cérémonie d’offrande de l’habit monastique par les laïcs, a lieu au cours du mois suivant. L’observance de la coutume de vassa, qui date des premiers temps du bouddhisme, est de nos jours essentiellement limitée au courant theravada.<br /><br />Les moines qui ont accompli leur retraite bénéficient d’un léger allègement des règles monastiques durant les quatre mois lunaires suivants. Traditionnellement, les années de vie religieuse sont comptées en vassas.Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-53531897577089278072009-06-25T08:12:00.000-07:002009-06-25T08:14:42.138-07:00ห้ามเด็ดขาด..เครื่องสำอางที่มีสารอันตรายจร้า.....++เครื่องสำอางที่มีสารอันตราย 40 ยี่ห้อ ห้ามใช้เด็ดขาด ประกอบด้วย<br /><br />1.ไพรสด สมุนไพรธรรมชาติ ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ 2.Second Cream ตรา Magnate <br />3.ครีมทาฝ้าชาเขียว ตรา Magnate <br />4.โลชั่น วินเซิร์ฟ ลดฝ้า กันแดด <br />5.ครีมวินเซิร์ฟ <br />6.เอ็ดการ์ด โลชั่นกันแดดผสมอัลลันโทอิน <br />7.EASY Herb Night Bright Melasma Cream ครีมแต้มฝ้า กระ จุดด่างดำ สำหรับกลางคืน <br />8.ครีมสมุนไพรว่านนางสาว <br />9.เอสจี โลชั่นปรับสภาพผิว <br />10.ครีมสมุนไพรมะขาม<br />11.Mena FACIAL CREAM <br />12.ครีมสมุนไพรมะเขือเทศ <br />13.ครีมสมุนไพรมะนาว <br />14.ครีมกันแดด สมุนไพรแตงกวา สูตรพิเศษ 15.SOW ทาฝ้ารอยดำ (ตลับชมพู) <br />16.BEST BEAUTY ครีมประทินผิวลดรอยดำ <br />17.เบสท์โลชั่น โลชั่นปรับสภาพผิว <br />18. 3 P โลชั่น <br />19.ฝ้า กระ PIGMENT <br />20.WHITENING CREAM ครีมมุกหน้าขาว<br />21.VOLK Intensive Lifting Cream USA <br />22.IFSA <br />23.ครีมข้นเหนียวสีส้ม <br />24.ครีมข้นเหนียวสีน้ำตาล <br />25.เครื่องสำอางครีมหน้าใส IFSA <br />26.เครื่องสำอางครีมชาเขียว DR.JAPAN <br />27.The Winner สมุนไพรมะขาม Tamarine Cream สูตรเข้มข้น <br />28.ครีมสมุนไพร <br />29.ครีมทาปาก หัวนมชมพูก่อนนอน <br />30. ยารักษาฝ้า เช้า-ก่อนนอน<br />31.ทาใต้รักแร้ ง่ามขาดำ ก่อนนอน <br />32.พรีม เมลาโนไวเทนเนสส์ เอ <br />33.พรีม ไบรเทน แอนด์ รีไวเทน <br />34. 3 ทรีเดย์ เนเชอรัล ฝ้าปานกลาง สูตรขาวเนียน <br />35. 3 ทรีเดย์ ไบรเทน แอนด์ รีไวเทน <br />36. 3 ทรีเดย์ เนเชอรัล อี พลัส ครีมทาสิว ฝ้า <br />37.ครีมลูกยอผสมน้ำผึ้ง white noni & honey cream 38.สมุนไพรแตงกวา <br />39. สีเขียว 4 (เครื่องสำอางกึ่ง สำเร็จรูปพร้อมบรรจุ เป็นครีมข้นสีเขียว) <br />40. สีเหลืองขมิ้น 5 (เครื่องสำอางกึ่ง สำเร็จรูปพร้อมบรรจุ เป็นครีมข้นสีเหลือง)Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-19554534326366482142009-06-15T05:36:00.000-07:002009-06-15T05:40:10.398-07:00MoisissureMoisissure est un nom vernaculaire ambigu qui désigne en français certains champignons microscopiques filamenteux du règne des mycètes, il en existe des milliers de variétés différentes. Ce sont des organismes pluricellulaires qui peuvent atteindre jusqu'à 35 mètres de longueur.<br /><br /> <strong>Caractéristiques communes </strong><br /><br /> La plupart des gens connaissent les moisissures pour leur effet d’altération des aliments dans le cas par exemple du pain et des fruits. Dans la chaîne alimentaire, les moisissures sont des décomposeurs naturels. La prolifération des moisissures dépend des conditions suivantes :<br /><br /> la présence de spores de moisissures (qui sont toujours présentes à l’intérieur d'un bâtiment et à l’extérieur) ; <br />des températures appropriées, variant entre 2 et 40 °C (voire plus) ; <br />une source d’alimentation, c’est-à-dire tout ce qui est organique (livres, tapis, vêtements, bois, plâtre, ...) ; <br />une source d’humidité. <br /><br /><br /> <strong>Moisissure, hygiène et santé</strong><br /> Certaines moisissures sont sources d'intoxication alimentaire par les mycotoxines qu'elles sécrètent (patuline..).<br /><br /> D'autres ou les mêmes sont sources de pollution et de contamination de l'air intérieur (Pollution intérieure) et d'aliments.<br />Deux facteurs sont en cause :<br /><br /> les Composés organiques volatils (COV) qu'elles produisent lors de leur développement et qui sont notamment responsables de l'odeur de moisi; <br />les spores (parfois allergènes ou responsables d'asthme ou d'irritations des muqueuses). Une infection pulmonaire (aspergillose invasive) peut affecter les personnes aux défenses immunitaires diminuées (ou auxquelles on a prescrit un puissant antibiotique). Certaines activités exposent les professionnels (agriculture, fromagerie) à pneumopathies d'hypersensibilité lorsqu'une quantité massive de spores est inhalée (manipulation de foin mal séché et moisi par exemple). <br />La France, par exemple, comptait 40% de logements touchés par ce problème en 2007 (ce pourcentage est proche de ce qu'on trouve dans les autres pays européens), avec des fuites ou problèmes discrets d'humidité dans 60 % environ des cas[1]). Bien que certaines moisissures soient adaptés à l'air sec, la plupart se développent de manière optimale dans un air humide et mal renouvelé.Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-78773641953149543872009-06-08T05:18:00.000-07:002009-06-08T05:20:41.764-07:00สาเหตุการเกิดสิวสาเหตุการเกิดสิวอุดตัน <br /><br />1. ต่อมไขมัน Sebaceous สร้างไขมันมากเกินไป โดยอาจเกิดจากสาเหตุฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน ชนิด Testosterone ซึ่งควบคุมการเจริญเติบโตและการสร้างไขมัน( Sebum) สูงมากกว่าปกติแล้วไขมันเกิดจากอุดตันในท่อไขมันที่ระบายไขมัน ออกสู่ผิวหนังด้านนอก อันนำมาซึ่งปัญหาสิวอุดตัน<br /><br />2. ปัญหาผิวแพ้ง่าย( Sensitive skin) มักพบเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้บ่อยเช่นกัน<br /><br />3. ความผิดปกติของการลอกผิวในท่อขุมขนเอง( follicular lumen) แล้วทำให้เกิดการอุดตัน<br /><br />4. สิวจากเครื่องสำอาง( Acne cosmetica) มักเกิดจากการใช้เครื่องสำอางบางชนิด แล้วเกิดอาการแพ้<br /><br />5. สิวจากสเตียรอยด์ มักเกิดในผู้ที่ใช้ครีมทาที่ผสมสเตียรอยด์ ในการรักษาผิวแพ้ หรือรับประทานยา Prednislone เป็นประจำ เช่นผู้ป่วยโรคไต Nephrotic syndrome หรือ SLE<br /><br />6. ความเครียด<br /><br />7. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ในภาวะใกล้หรือหมดประจำเดือน<br /><br /><br /> <br /> <br /> <br />ประเภทของสิวอุดตัน <br /><br />ประเภทของสิวอุดตัน(สิวไม่อักเสบ) แบ่งเป็น<br /><br />1. สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด<br /><br />2. สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด<br /><br />3.สิวสเตียรอยด์<br /><br />ผลข้างเคียงจากการเกิดสิวอุดตัน มักเกิดจากการพยายามแกะ แคะ บีบเพื่อให้สิวอุดตันหลุด และขาดความชำนาญในการกดสิว มักพบได้บ่อยคือ<br /><br />1. รอยดำจากสิว<br /><br />2. รอยหลุมจากสิว หรือ Icepick-scar<br /><br />3. สิวอุดตันเกิดมากขึ้น เนื่องจากการกดหรือบีบแล้วทำให้ท่อไขมันบริเวณข้างเคียงเกิดอุดตัน จากการบาดเจ็บ( trauma)<br /><br /> <br /> <br />การป้องกันการเกิดสิวอุดตัน <br /><br /> แนวทางการปฏิบัติสำหรับการป้องกันการเกิดสิวอุดตัน มีหลักการคือ พยายามอย่าให้ผิวมัน และการกระทบกระเทือนต่อท่อหรือต่อมไขมัน ดังนี้<br /><br /> 1.ผลิตภํณฑ์ล้างหน้า เช่น สบู่ เจล โฟม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวมันและมีตัวยาป้องกันการเกิดสิว<br /><br /> 2. เครื่องสำอาง ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอม สารดีเทอร์เจ้นท์<br /><br /> 3. หลีกเลี่ยงการเช็ดหน้า หรือ นวดหน้าแรงๆ<br /><br /> 4. หน้ามันมาก อาจต้องใช้โลชั่นเช็ดหน้า หรือใช้ยารับประทานกลุ่ม Retionoids หรือ ยาคุมกำเนิดกลุ่ม Dian-35 เพื่อลดหน้ามัน<br /><br /> 5. เลือกครีมกันแดด SPF ประมาณ 15 เพื่อป้องกันความมันของเนื้อครีม<br /><br /> 6. ครีมบำรุง เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของ น้ำมัน และไม่ควรมัน ไม่มีฮอร์โมนผสมในครีมบำรุง<br /><br /> 7. ครีมแก้แพ้ หรือ สบู่ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวแพ้ง่าย( Sensitive skin)<br /><br /> 8. งดอาหารที่ทำให้เกิดสิวง่าย เช่น อาหารมัน อาหารรสจัด ทุเรียน ขนมหวาน ไอสครีม<br /><br /> 9. พักผ่อนให้เพียงพอ<br /><br /> 10. ไม่เครียด<br /><br /> 11. ห้ามกด หรือ บีบสิวเอง กรณีที่เกิดสิว<br /><br /> <br /> <br /> <br />การรักษาสิวอุดตัน <br /><br /> 1. ครีมทาสิวอุดตัน กลุ่ม Tretinoin( Retin-A) เป็นยาที่เหมาะสมและใช้กันแพร่หลาย มีความเข้มข้นแตกต่างกัน ตั้งแต่ 0.025-0.1% อาจอยู่ในรูปของครีม เจล หรือน้ำ โดยพบว่ายิ่งความเข้มข้นสูงยิ่งละลายสิวอุดตันได้ดี แต่ก็จะระคายเคืองผิวหน้า และทำให้ผิวหน้าแห้งเป็นขุยถ้าความเข้มข้นสูง แต่การละลายเคืองอาจน้อยลง ถ้าล้างหน้าก่อนทายา 10-15 นาที<br /><br /> 2. ยารับประทานกลุ่ม retinoids เช่น Roaccutane,Isotretionoin ช่วยลดปัญหาผิวมัน และละลายสิวอุดตันได้ดี ทั้งที่ใบหน้าและสิวตามลำตัว<br /><br /> 3. ยาลอกขุย (Keratolytic agents) และยาทำให้ผิวแห้ง เช่น Salicylic acid,Resorcinol,Sulphur,Aluminium oxide มักช่วยลอกขุย และทำให้สิวแห้งและหลุดออกมักใช้เป็นส่วนผสมของแป้งน้ำทาสิว( acne lotions)<br /><br /> 4. การกดสิวอุดตัน ควรทำโดยผู้ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น<br /><br /> 5. การทำ Peeling ด้วย 30-50% TCA,PHA จะช่วยทำให้ผิวหน้าแห้งลงผนังสิวบางลง ทำให้สิวอุดตันฝ่อตัว และหลุดออกได้ง่าย<br /><br /> 6. การทำ Iontophresis มักใช้ร่วมกับยากลุ่ม Tretionoin เพื่อช่วยผลักยาให้ซึมลงลึกไปละลายสิวอุดตันได้ดีกว่า การทายาปกติMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-53541667994966475662009-06-01T07:24:00.000-07:002009-06-01T07:31:15.803-07:00ความหมายของดอกไม้ตามวันเกิดเธอที่เกิดวันอาทิตย์<br /><br />ต้นไม้ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวกแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือร้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันจันทร์<br /><br />ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชนิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพราะคนเกิดวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติกและช่างฝัน<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันอังคาร<br /><br />ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมาก ๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันพุธ<br /><br />ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะ ต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะ ๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรักสันติภาพ ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชนิดนี้หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันพฤหัสบดี<br /><br />เธอที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และ ต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็ก ๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือ ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริง ๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันศุกร์<br /><br />ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่เกิดวันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้เหมาะสำหรับเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่ มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบ ดอกไวโอแลต ว่า"ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนที่เกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอนไปครองอีกดอกหนึ่ง<br /><br /><br />เธอที่เกิดวันเสาร์<br /><br />จะมีต้นไม้พวก ต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์ เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว<em></em><em></em><strong></strong><em></em>Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-34489599415461685022009-05-25T07:10:00.000-07:002009-05-25T07:13:36.182-07:00วันงดสูบบุหรี่โลก<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh03GwDbNZLbObOLRorFbkuL7Ytj-Iq5yCVTFJyWckA8j8wzvoZ4a9eaEC9z9GbTo1JheaMRDy79-gOfaIz5pc-5igIryZcBHuGXGpLZtb1dx_xhxtEL6zkvccE_S5-xXyRkAoPRZZF5ME/s1600-h/may31_stop5.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 123px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh03GwDbNZLbObOLRorFbkuL7Ytj-Iq5yCVTFJyWckA8j8wzvoZ4a9eaEC9z9GbTo1JheaMRDy79-gOfaIz5pc-5igIryZcBHuGXGpLZtb1dx_xhxtEL6zkvccE_S5-xXyRkAoPRZZF5ME/s320/may31_stop5.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5339764461915379570" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNaZxWKKJYL3NoXEr3N1fnmqX4ZJOTb148ZnPf-t_0gaFvf6XtT9i5zFnN-qENK8KN4dS1j6F8sHsox6Ysswi6HpkEKEtJqiI3GgPbuCaA59b8FNfEghm8FeYEi-ok8pFBULfhNsxvwLw/s1600-h/may31_stop4.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 123px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNaZxWKKJYL3NoXEr3N1fnmqX4ZJOTb148ZnPf-t_0gaFvf6XtT9i5zFnN-qENK8KN4dS1j6F8sHsox6Ysswi6HpkEKEtJqiI3GgPbuCaA59b8FNfEghm8FeYEi-ok8pFBULfhNsxvwLw/s320/may31_stop4.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5339764458762410770" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiwCHKBaV5WEBSq7I-SHWqMClG-CYtrBO0XbY3jT4GzyFv0LYKJOrlnScKNuCEm7VEoA9K2-zD1WewHNvMZTj_s-oP8BxzIHvoxNiMt3JbxEtenzZMwcGXxsSjneWOLylcKODMqCZw0J60/s1600-h/may31_stop3.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 123px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiwCHKBaV5WEBSq7I-SHWqMClG-CYtrBO0XbY3jT4GzyFv0LYKJOrlnScKNuCEm7VEoA9K2-zD1WewHNvMZTj_s-oP8BxzIHvoxNiMt3JbxEtenzZMwcGXxsSjneWOLylcKODMqCZw0J60/s320/may31_stop3.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5339764452161613106" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5BzuZsNX0cSwGoiFwUgDthW4nyAKkQEmRWGGNadOeK3h6KBneKJlS2LibzsidEDLgcvw_ulsylwN4jKKzrrZv9p99EOKBYsyojoAq9KrS9ZfsSvyhR7DpdLeCsGKGgPPE1fqsDcqOVso/s1600-h/may31_stop2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 123px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5BzuZsNX0cSwGoiFwUgDthW4nyAKkQEmRWGGNadOeK3h6KBneKJlS2LibzsidEDLgcvw_ulsylwN4jKKzrrZv9p99EOKBYsyojoAq9KrS9ZfsSvyhR7DpdLeCsGKGgPPE1fqsDcqOVso/s320/may31_stop2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5339764454202895826" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOUy7LPzUYfv1QVdNVKnvsh0q4k86gzyu8hLZDmE1oCEM4cv1Ff3mX6mF-phx7-fFzVBfoJ6lTmpLiBC5wplm2vvCulsT8OYE645Eo36UgmNF0qusX7cRt7PA9OAcyTlZWnuM0J01atRY/s1600-h/may31_stop1.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 123px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOUy7LPzUYfv1QVdNVKnvsh0q4k86gzyu8hLZDmE1oCEM4cv1Ff3mX6mF-phx7-fFzVBfoJ6lTmpLiBC5wplm2vvCulsT8OYE645Eo36UgmNF0qusX7cRt7PA9OAcyTlZWnuM0J01atRY/s320/may31_stop1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5339764446603114466" /></a><br /> ตั้งแต่ปี ๒๕๓๑ องค์กรอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทุกประเทศตระหนักถึงอันตราย และความสูญเสียทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ได้ประกาศให้มีการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยใช้ชื่อว่า World Spidemic หรือการสูบบุหรี่เป็นโรคระบาดที่ระบาดอยู่ทั่วโลก<br /> และประกาศเตือน เยาวชนที่เริ่มสูบบุหรี่ เมื่ออายุยังน้อย และสูบเป็นประจำ จะเสียชีวิตก่อนอายุขัยปกติ (ประมาณ ๗๐-๘๐ ปี) ถึง ๒๒ ปี<br /> ดังนั้นรัฐบาลไทย ได้ตระหนักถึงความสูญเสียชีวิตของประชากร ที่เกิดจากการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง มาเป็นเวลาหลายปี ให้รับทราบถึงอันตราย โทษของการสูบบุหรี่ ซึ่งก็เป็นที่รู้ๆ กัน แต่จะให้เลิกสูบเลย เป็นเรื่องที่ยากมาก สำหรับผู้ที่ติดบุหรี่แล้ว<br /> จึงได้มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ และกำหนดมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลนำมาใช้ โดยการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่ พยายามเลิกสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเลิกได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม ดังเช่น เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศบังคับใช้ มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้มีการพิมพ์ คำเตือน โทษของการสูบบุหรี่ที่ข้างซอง มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ตัวอย่างดังภาพ ข้างล่างMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-68302029898044769122009-05-19T04:01:00.000-07:002009-05-19T04:31:23.401-07:00แก้ปัญหาท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติปัญหาท้องผูกส่วนใหญ่ เกิดจากการ นิยมรับประทานอาหารที่มีกากอาหารน้อยซึ่ง ได้แก่อาหารจำพวกแป้งและเนื้อสัตว์ และไม่นิยมรับประทานอาหารที่มีกากอาหารมากได้แก่ พวกผัก , ผลไม้ ชึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่าย , การดื่มน้ำน้อยก็เป็นสาเหตุของท้องผูกได้ <br /> นิสัยการขับถ่ายก็มีส่วนทำให้เกิดท้องผูกได้ ผู้มีอาการท้องผูก บางคนถ่ายอุจจาระไม่สม่ำเสมอ ไม่ฝึกอุปนิสัยการขับถ่ายก็อาจทำให้ท้องผูกได้ , ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกซึ่งถ้าหยุดยาชนิดนั้น ๆ แล้วจะทำให้ท้องผูกดีขึ้น , สำหรับคนสูงอายุมักจะมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการท้องผูกได้มากกว่าวัยอื่น ๆ อาจเป็นเพราะมีกิจกรรมน้อยลงและทานอาหารที่มีกากอาหารน้อยเนื่องจากฟันไม่ดี หรือเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสารบางชนิดในสมองซึ่งมี<br />ส่วนทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ค่ะ <br /><br /> ส่วนวิธีการป้องกันการอาการท้องผูก มีดังนี้ค่ะ <br /> 1. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว <br /> <br /> 2. รับประทานอาการที่มีกากใยพอสมควรได้แก่ผักผลไม้เช่น กล้วย ส้ม สัปปะรด เป็นต้น <br /> จะทำให้อุจจาระเป็นก้อนแต่นิ่ม ช่วยในการขยายตัวและนวดทวารหนักได้เป็นอย่างดี <br /> และไม่ทำให้เกิดการครูดทวารหนักจนเกิดบาดแผล <br /> <br /> 3. ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่เบ่งมากขณะขับถ่าย เนื่องจากการเบ่งมากจะทำให้เลือด <br /> คั่งบริเวณบริเวณทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อปากทวารหนักบวมและยื่นออกมาได้ <br /> <br /> 4. ออกกำลังกายอยู่เสมอ <br /> <br /> 5. นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ <br /> <br /> 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองทางเดินอาหารเช่น อาหารรสจัด ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-69584988170908463872009-05-11T05:48:00.000-07:002009-05-11T05:51:32.909-07:00นิยามอกหักคำว่า"อกหัก"...ใครที่รักใครไม่เป็นก็คงไม่รู้จักคำนี้...<br />และคำว่า"อกหัก"...ถ้าใครมีความรักที่สมหวัง ก็จะไม่รู้จัก คำ ๆ นี้เช่นกัน...<br /><br />ในเมื่อคนสองคนที่มีใจที่ตรงกัน ได้มารักกัน ได้เดินทางในเส้นทางเดียวกัน...<br /><br /><br />ต่อมาระยะหนึ่ง...ความรักที่มีนั้น ไม่เหมือนเดิม ใจไม่ตรงกัน อาจเพราะว่า ใครคนใดคนหนึ่ง มีใจไม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นว่า <br />ทั้งสองคนร่วมใจกันใจไม่ตรงกัน...เป็นการใจตรงกันครั้งสุดท้าย.. คนสองคนหมดรักกัน และจากกันไป เพื่อ "ไปเดินในเส้นทางใหม่"ที่ตนต้องการ..<br /><br />กรณีคนอกหัก<br />เป็นประเภท...เราใจเหมือนเดิม แต่เขา เปลี่ยนไป...<br /> เหมือนโลกทั้งโลก...ทะลายไป...<br />รู้สึกว่า ตัวเองไม่มีค่า คิดแต่ว่า " ฉันผิดอะไร? "<br />เขาทำไมจากไป ทำไม ทำไม และทำไม <br />ณ เวลานั้น คนอกหัก จะกลายเป็นคนช่างคิดช่างตั้งคำถาม คิดอะไรรกหัวไปหมด..แต่ออกจะคิดแคบไปหน่อย <br />คิดแต่เรื่องเขาคนนั้น...ด้วยคำถามว่า...ทำไม<br />ตัวอย่างของคำถามจากคนอกหัก...ที่ต้องการคำตอบจากเขา (แต่เขาไม่อยู่ให้ตอบคำถาม)<br /> 1. ทำไมถึงเลิกกับเรา?<br /> 2. เธอมีใครใหม่หรือ?<br /> 3. เธอจะคิดถึงฉันไหม?<br /> 4. ทำไมเหงาอะไรอย่างนี้นะ...เธอล่ะ?<br /> 5. เธอทำอะไรอยู่นะ...?<br /> ฯลฯ<br /><br />คิดโทษแต่ตัวเอง....<br />ร้องไห้...ร้องไห้....และร้องไห้....เหมือนคนบ้า.....อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้.....<br />ทำตัวห่อเ***่ยว เสมือนหมดแรงเพราะทำงานตรากตรำ......<br />สมองฝ่อไปชั่วขณะ.......<br />บางที สำหรับบางคน.....<br />ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด...เขาคิดทำร้ายตัวเอง บางคนถึงกับชีวิตก็มี <br />เพื่ออะไร?.......<br />พวกนี้ไม่รู้จักใช้สมองอันน้อยนิดที่ปลายนิ้วมือคิดเลย...(จริง ๆ)<br /><br />เสียใจกับความรักที่มันไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมน่ะได้....แต่อย่าเสียใจนานนัก...<br /><br />เราเสียใจ...ร้องไห้....ทำร้ายตัวเอง จะมากน้อยเท่าไร <br />"เขาคนนั้นไม่มารับรู้อะไรด้วยหรอก"<br /><br />ขณะที่คุณร้องไห้...เสียใจ คิดถึงแต่เขา นึกถึงแต่เขา...<br />คุณทำร้ายตัวเอง....เขาคนนั้น กำลังนึกถึงคนอื่น มีความสุขอยู่กับรักใหม่ของเขา <br />โดยที่เขาไม่ได้นึกถึง ไม่ได้คิดถึงคุณแม้แต่น้อยนิดเลย...<br /> ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...คิดอะไรได้รึยัง?<br />****คิดซะ...เขาคนที่ทำเราร้องไห้ได้น่ะ ไม่ได้มีค่าอะไรเลย กับชีวิตที่มีค่าของเรา <br />อยู่มาได้อายุเท่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีเขาเราก็ไม่ตาย ประสาอะไรกับตอนนี้ <br />ณ วินาทีนี้ เราจะไม่มีเขาแล้ว จะเป็นอะไรไป... <br />ชีวิตมีค่า เวลาที่มีอยู่ใช้ให้คุ้ม กับคนที่เขาหวังดี รักเรา เถอะนะ...<br />รักตัวเองให้มากขึ้น...มองโลกให้กว้างกว่านี้ แล้วคุณจะเห็นอะไรดี ๆ มากมาย<br /><br />คนรอบ ๆ ข้างคุณ เพื่อน ๆ คุณ ก็ช่วยให้คุณหัวเราะได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น....<br />มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นแหล่ะ...ที่จะช่วยให้ตัวคุณเองยิ้มและหัวเราะได้...<br /><br />หาอะไรทำเพื่อที่จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นซะ....<br />ถึงแม้มันจะเหมือนการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นว่าคุณทำใจได้ แต่ว่า มันก็ดีซะกว่า คุณไม่รักตัวเอง....Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-30864670981927938462009-04-28T03:02:00.000-07:002009-04-28T03:04:18.902-07:00เตือนภัยไข้หวัดหมู กรมปศุสัตว์สั่งคุมหมูตายทั่วประเทศหมอจุฬาฯ-ศิริราช-รามาฯ แจ้งพบผู้ป่วยไข้หวัดหมูจากการติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II เข้ารับการรักษาทุกปี ทั้งเชื้อรุนแรง-ไม่รุนแรง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนสัมผัสกับหมู ชี้โอกาสโรครุนแรงเหมือนจีน "อาจ" เกิดขึ้นได้ จี้รัฐบาลแจ้งเตือนให้ความรู้คน ด้านกรมปศุสัตว์ทำหนังสือด่วนถึงปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ ขอให้ติดตามการตายของหมูเป็นพิเศษแล้ว <br /><br />การติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส หรือ Streptococcus suis ไทป์ II หรือโรคไข้หวัดหมู ที่ติดจากหมูสู่คนในมณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 36 คนแล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความสงสัยที่ว่ามีปัจจัยอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง โดยนายบ็อบ ไดเอตซ์ โฆษกขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับออกมาระบุว่า "อาจจะ" มีแบคทีเรีย/ไวรัสชนิดอื่นๆ หรือสารพิษบางอย่าง หรือเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่มณฑลเสฉวน ซึ่งช่วยเกื้อกูลให้เกิดการติดต่ออย่างรุนแรง <br /><br />ในขณะที่ประเทศไทย แม้จะพบเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II ทั้งในหมูและมีรายงานทางการแพทย์ว่า ติดต่อสู่คนที่เกี่ยวข้องกับฟาร์ม-โรงฆ่า และเขียงหมู รวมไปถึงการบริโภคเนื้อหมู/เลือดหมูสดในอาหารจำพวกลาบดิบ/หลู้แล้วก็ตาม แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ในกรณีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีการออกมาเคลื่อนไหว ทั้งการให้ความรู้หรือแจ้งเตือนคนไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่โรคนี้เป็นโรคที่พบได้ภายในประเทศ ซึ่งเกิดติดต่อกันเป็นประจำมาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่อาการของโรคไม่รุนแรงเท่ากับที่เกิดในจีน แต่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมากโรคหนึ่ง <br /><br />นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การระบาดของเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ในประเทศจีนนั้น สิ่งที่กรมปศุสัตว์เป็นห่วงก็คือ ไม่รู้ว่าจีนเป็น Streptococcus suis type II หรือเปล่า เพราะเป็นการระบาดที่รุนแรง แต่ถ้าเป็น type II เป็นเรื่องที่พบเป็นปกติในสุกรไทยอยู่แล้ว ถ้าสถานที่เลี้ยงสุกรสกปรก ไม่ได้มาตรฐาน เชื้อจะมีอยู่ในสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ แต่การเกิดโรคในประเทศไทยสามารถควบคุมได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะและไม่ได้เกิดการระบาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางกรมปศุสัตว์ได้มีหนังสือส่งไปยังปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศให้มีการเฝ้าระวังตรวจสอบซุ่มเก็บตัวอย่างตลอด โดยเฉพาะหากมีลูกหมูตาย นอกจากนี้ได้พยายามให้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังคนเลี้ยงหมูให้มีการป้องกันด้วย <br /><br />นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังเร่งปรับปรุงเรื่องมาตรฐานโรงฆ่าหมูให้เข้าสู่มาตรฐาน เพราะคนที่เสี่ยงมีโอกาสติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II จะเป็นคนที่ฆ่าหมูและคนเลี้ยงมากกว่าคนทั่วไป แต่การปรับปรุงโรงฆ่าที่ผ่านมาก็มีปัญหา ผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์ยังไม่ยอมลงทุนปรับปรุง และกรมปศุสัตว์ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพราะกฎหมายที่กระทรวงมหาดไทยโอนอำนาจการควบคุมโรงฆ่าสัตว์มาให้ทางกรมปศุสัตว์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานั้น ยังคงให้อำนาจกับองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลโรงฆ่าสัตว์ในพื้นที่อยู่ <br /><br />ทางด้านนายแพทย์อนันต์ จงเถลิง หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ดูแลศูนย์สเตรปโตคอกคัส (Streptococcus) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การระบาดของเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II ในประเทศจีนนั้น หากถามว่าประเทศไทยน่าห่วงหรือไม่ ก็คงต้องบอกว่า "น่าห่วงเช่นกัน" เพราะโอกาสที่เชื้อจะเกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศไทยกับในประเทศจีนมีเท่าๆ กัน เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ สเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II เกิดการระบาดที่รุนแรง ทำไมจึงมีคนอ่อนแอจำนวนมากที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต ภูมิคุ้มกันที่เปลี่ยนไป หรือภูมิคุ้มกันลดลงเกิดจากอะไร <br /><br />"ผมคิดว่า ด้วยวิถีชีวิตการเลี้ยงหมูและการบริโภคหมูของคนไทยกับคนจีนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วง แต่ไม่ได้ต้องการให้คนแตกตื่นหรือหวาดกลัว อีกกรณีที่ผมกังวลก็คือ กรณีเชื้อดื้อยา ซึ่งเคยพบในคนไข้ที่โรงพยาบาลจุฬาฯมาแล้ว" นายแพทย์อนันต์กล่าว <br /><br />สำหรับตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II ที่เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในปี 2548 จากเดือนมกราคมถึง ปัจจุบันมีประมาณ 5 ราย แม้จะไม่มาก เพราะยังไม่มีการเก็บตัวเลขรายงานที่สมบูรณ์ ดังนั้นอาจจะถึงเวลาที่ต้องมาให้ความสนใจกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะหน่วยงานทางด้านเกษตรที่ดูแลเกี่ยวกับการเลี้ยงสุกรน่าจะมีการประกาศเตือนและเตรียมความพร้อมรับมือ โดยการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างจริงจังมากกว่าที่เป็นอยู่ <br /><br />ทั้งนี้ ทางศูนย์สเตรปโตคอกคัสมีความกังวลว่า ในปี 2548 มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II จากหมู เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬา ลงกรณ์ถึง 5 ราย ถือเป็นสัญญาณไม่ดี หากเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2547 มีเพียง 2 ราย ปี 2546 มี 1 ราย ปี 2544 มีประมาณ 9 ราย และปี 2543 มีประมาณ 8 ราย โดยภาวะการติดเชื้อที่พบชนิดที่รุนแรงมีประมาณ 30% ของผู้ป่วยที่มาเข้ารับ การรักษา หากดูสถิติคนไข้ที่มารับการรักษาเฉลี่ยมีทุกวัยตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 75 ปี ทั้งเด็ก-คนแก่ และชายฉกรรจ์ ดังนั้นหากเฉลี่ยการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ไทป์ II ในขณะนี้ถือว่าไม่มาก <br /><br />ศาสตราจารย์นายแพทย์อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันทางโรงพยาบาลยังพบผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อ สเตรปโตคอกคัส ซูอิส อยู่เรื่อยๆ แต่เรียกได้ว่าเป็นการพบประปรายประมาณ 5-10 คนต่อปี หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่เนื่องจากการเพาะเชื้อทำได้ไม่ดี ทำให้ไม่มีรายงานตัวเลขการติดเชื้อที่ชัดเจน โดยทั่วไปการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ที่พบในคนไข้ของศิริราชพยาบาลมีทั้งชนิดที่รุนแรงและไม่รุนแรง สำหรับชนิดรุนแรงเท่าที่พบเฉลี่ยมีประมาณ 20-30% ของผู้ป่วยที่มารับการรักษา โดยชนิดของเชื้อที่รุนแรงมักจะขึ้นไปที่เส้นประสาท คนไข้ส่วนใหญ่ที่หายแล้วจะหูหนวกหรือหูตึง บางรายที่มีอาการสูญเสียการทรงตัวในช่วงแรกด้วย แต่พอจะรักษาให้ดีขึ้นได้ <br /><br />"สถิติคนไข้ที่มารับการรักษาที่ศิริราชพยาบาลนั้น เท่าที่ตรวจสอบประวัติพบว่าส่วนใหญ่มีอาชีพชำแหละหมูขายในตลาดสดและแม่บ้านที่ทำอาหาร โดยลักษณะของการติดเชื้อเกิดจากการสัมผัส เชื้อจะเข้าทางบาดแผลที่บริเวณมือและหลังมือ" ศาสตราจารย์นายแพทย์อมรกล่าว <br /><br />ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุพจน์ ตุลยาเดชานนท์ อาจารย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ทุกปีจะมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ไม่มากนัก เพราะเชื้อไม่ได้ติดกันง่ายนัก เท่าที่จำได้เคยมีมากสุดเมื่อ 2 ปีก่อนประมาณ 8 ราย ซึ่งมีทั้งที่เจอเชื้อชนิดรุนแรงและไม่รุนแรง แต่ไม่มีการเก็บตัวเลขข้อมูลที่ชัดเจนทำให้บอกสถิติไม่ได้ <br /><br />สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหวัดหมูในมณฑลเสฉวนของจีนยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุดทางการจีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสเตรปโตคอกคัสในจีนมีสูงถึง 206 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 38 ราย และกระทรวงเกษตรจีนได้ประกาศใช้แผนป้อง กันและควบคุมการแพร่ระบาดในทั่วประเทศแล้ว <br /><br />ในวันเดียวกันนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ออกมาเตือนให้ทางการจีนเร่งตรวจสอบ เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อในหมูที่กำลังระบาดในคนอย่างรุนแรง รวมถึงหาสาเหตุที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยสูงผิดปกติ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของ WHO กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องมีการทดสอบมากกว่านี้ เพื่ออธิบายสาเหตุของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในเสฉวนและมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงจนน่าตกใจ <br /><br />ขณะที่กระทรวงเกษตร ประมง และการอนุรักษ์ของฮ่องกง (AFCD) ได้เริ่มมาตรการตรวจตราอย่างใกล้ชิด โดยใช้เงื่อนไขการให้ใบอนุญาตฟาร์มหมู เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ในฟาร์มหมูท้องถิ่น และจะมีการติดตามผลการตรวจสอบฟาร์มหมูที่ได้ทำไปแล้ว 266 แห่ง ซึ่งไม่พบว่ามีหมูตายอย่างผิดปกติ <br /><br />และที่รัสเซียเองก็มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เช่นกัน โดยกระทรวงภาวะฉุกเฉินของรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยว่าทางการรัสเซียได้สั่งกำจัดหมู 286 ตัวที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองโวลโกแกรด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมูที่มีการตรวจพบก่อนหน้านี้ ส่วนที่ญี่ปุ่น กระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิการ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะไม่นำเข้าเนื้อหมูจากมณฑลเสฉวน ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อในหมูMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-67969628842770526072009-04-18T05:54:00.000-07:002009-04-18T05:55:11.091-07:0010 วิธีคลายร้อน แบบ ขำ ขำ• 1.ใช้เย็นเตร็กซ์ เจ้าของเดียวกับโทนาฟ<br /><br />• 2.กินเย็นตาโฟ ไม่เชื่อต้องลอง<br /><br />• 3.อย่าเล่นกับไฟ ไฟมันร้อน ถ้าอยากเล่นอะไรขึ้นมาจิงๆ แนะนำให้เล่นของสูง เพราะยิ่งสูงยิ่งหนาว ยกเว้นไฟเย็นนะ ^^<br /><br />• 4.กางๆ หุบ ร่ม ถ้าอยากได้ลมแรงๆ ต้องกางและหุบร่มแรงๆ<br /><br />• 5.งดใส่เสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ มันร้อน<br /><br />• 6.ทานผงชูรสแทนข้าว กินเยอะๆ ผมร่วงมาก จะได้หัวล้านเร็วๆ<br /><br />• 7.ฟังเพลงของไอซ์ ศรัญญู ได้ยินชื่อก้อหนาวแล้วว ฟังเพลงทีไร แล้วรู้สึกเย็นสบายทุกที<br /><br />• 8.เป็นทอง ไม่รู้ร้อน<br /><br />• 9.ก่อหนี้ ลองดูแล้วจะรู้ ความหนาวก็ไล่ไปตามความเก๋า ของสถาบันเจ้าหนี<br /><br />• 10.อั้นอึ ต่อให้อากาศอบอ้าวแค่ไหน เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณจะรู้สึกเย็นขึ้นมาทีนที และขนลุก 555<br /><br /><br /><br />ข้อไหนที่ไม่สมควรทำตามก็อย่าทำตาม<br />เตือนจากความหวังดี...อิอิMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-65360609385282176422009-04-12T05:39:00.000-07:002009-04-12T05:42:22.487-07:00ประวัตินางสงกรานต์วันมหาสงกรานต์ คือ วันที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นการเถลิงศกใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติ<br />ประวัตินางสงกรานต์นั้นเป็นความคิดของผู้ใหญ่ในสมัยโบราณค่ะ โดยสมมุติผ่านนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดซึ่งเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์ ปีไหนตรงกับวันใดนางสงกรานต์ที่มีชื่อสมมุติเข้ากับวันนั้นๆก็จะเป็นผู้อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมออกแห่ไปสรงน้ำ <br />นางสงกรานต์ทั้งเจ็ดนี้ เป็นเทพธิดาลูกสาวท้าวกบิลพรหม และเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ จากตำนานเล่าถึงท้าวกบิลพรหมแพ้พนันธรรมบาลกุมาร ต้องตัดเศียรออกบูชาธรรมบาลกุมารตามสัญญา แต่เนื่องจากพระเศียรของพระองค์ตกไปอยู่ที่ใด ก็จะเป็นอันตรายต่อที่นั้นไม่ว่าจะเป็นบนอากาศ บนดินหรือในน้ำ ดังนั้น ธิดาทั้งเจ็ดจึงต้องนำพานมารองรับ และนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธชุลี ณ เขาไกรลาส <br />ครั้นถึงกำหนด ๓๖๕ วัน ซึ่งโลกสมมุติว่าเป็นปีหนึ่งเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์ เทพธิดาทั้งเจ็ดก็จะทรงพาหนะต่างๆผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของบิดาออกแห่ โดยที่เทพธิดาทั้งเจ็ดนี้ปรากฏในวันมหาสงกรานต์เป็นประจำ จึงได้ชื่อว่า “นางสงกรานต์” ส่วนท้าวกบิลพรหมนั้น โดยนัยก็คือ พระอาทิตย์ นั่นเอง เพราะกบิล หมายถึง สีแดง<br /> นางสงกรานต์ของแต่ละวัน จะมีนาม อาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะ ต่างๆ กันดังต่อไปนี้<br /> วันอาทิตย์ ชื่อ ทุงษ <br /> ทัดดอกทับทิม เครื่องประดับปัทมราค ภักษาหารผลมะเดื่อ อาวุธขวาจักร ซ้ายสังข์ พาหนะครุฑ<br /> วันจันทร์ ชื่อ โคราค <br /> ทัดดอกปีบ เครื่องประดับมุกดา ภักษาหารน้ำมัน อาวุธขวาพระขรรค์ ซ้ายไม้เท้า พาหนะเสือ<br /> วันอังคาร ชื่อ รากษส <br /> ทัดดอกบัวหลวง เครื่องประดับโมรา ภักษาหารโลหิต อาวุธขวา ตรีศูล ซ้ายธนู พาหนะสุกร<br /> วันพุธ ชื่อ มัณฑา <br /> ทัดดอกจำปา เครื่องประดับไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย อาวุธขวาเข็ม ซ้ายไม้เท้า พาหนะลา<br /> วันพฤหัสบดี ชื่อ กิริณี <br /> ทัดดอกมณฑา เครื่องประดับมรกต ภักษาหารถั่วงา อาวุธขวาขอ ซ้ายปืน พาหนะช้าง<br /> วันศุกร์ ชื่อ กิมิทา <br /> ทัดดอกจงกลนี เครื่องประดับบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำว้า อาวุธขวาพระขรรค์ ซ้ายพิณ พาหนะกระบือ<br /> วันเสาร์ ชื่อ มโหทร <br /> ทัดดอกสามหาว เครื่องประดับนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย อาวุธขวาจักร ซ้ายตรีศูล พาหนะนกยูงMøø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8251705240286662082.post-80834568496589924412009-04-02T05:08:00.001-07:002009-04-02T05:08:59.126-07:00AphteUn aphte (du grec ancien ἄφθη / áphthê, de ἄπτω / áptô, brûler) est un ulcère superficiel de la muqueuse buccale ou d'un autre organe.<br /><br /> Les aphtes apparaissent le plus souvent chez un sujet sain, de façon isolée, et guérissent spontanément. Ce sont des lésions fréquentes à l'étiologie inconnue. Leur survenue peut être liée à des facteurs nutritionnels, psychologiques (spécialement le stress) ou hygiéniques. Notamment, la consommation de tomate cuite, de noix, de gruyère ou de chocolat et de tous les aliments allergènes favorise leur apparition. L'utilisation prolongée d'antiseptiques locaux, comme les pastilles pour la gorge ou, d'un dentifrice contenant du laurylsulfate de sodium peut aussi provoquer chez certaines personnes l'apparition d'aphtes.<br /><br /> Lorsque les aphtes buccaux ne sont pas isolés et sont accompagnés d'autres symptômes, on peut se retrouver dans le cadre d'une maladie de Behçet ou de maladies inflammatoires de l'intestin comme la colite ulcéreuse et la maladie de Crohn.<br /><br /> La guérison est spontanée en 8 à 10 jours dans des conditions d'hygiène normale. Si un aphte n'a pas disparu deux semaines après son apparition ou si d'autres sont apparus pendant ce temps la consultation d'un chirurgien dentiste est conseillée.Møø Bëëhttp://www.blogger.com/profile/11807173342939705413noreply@blogger.com0